นักลงทุนมีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีแบบไหนบ้าง แต่ละแบบเป็นอย่างไร
นักลงทุนมีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีแบบไหนบ้าง แต่ละแบบเป็นอย่างไร
ตามความเข้าใจของผมครับ จะแบ่งนักลงทุน เป็น 4 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทไม่ได้หมายความว่า 1 คนจะเป็นแบบใดแบบเดียวไปเลยนะครับ ใน 1 คนอาจจะเป็นนักลงทุนหลายประเภทก็ได้นะครับ แล้วแต่การบริหารจัดการเงินและการยอมรับความเสี่ยงของแต่ละท่าน ซึ่งในแต่ละประเภท มีดังนี้
1. Daytrade
นักลงทุนแบบ Daytrade คืออะไร ?
เป็นกลุ่มนักลงทุนที่เน้นการเก็งกำไรในระยะสั้นที่สุด เช่น การเทรดให้จบในวันนั้นหรือ ถือข้ามวัน 1 วัน เป็นต้น
เป็นกลุ่มนักลงทุนที่เน้นการเก็งกำไรในระยะสั้นที่สุด เช่น การเทรดให้จบในวันนั้นหรือ ถือข้ามวัน 1 วัน เป็นต้น
2. Swingtrade
นักลงทุนแบบ Swingtrade คืออะไร ?
เป็นกลุ่มนักลงทุนที่เน้นการเก็งกำไรในระยะที่นานกว่า Daytrade เช่น เป็นการซื้อหุ้นแล้วถือเป็นรอบ Swing ของหุ้น 1 รอบ ใช้ระยะเวลา 2 วัน ไปจนถึง เป็นสัปดาห์
3. Runtrend
นักลงทุนแบบ Runtrand คืออะไร ?
เป็นกลุ่มนักลงทุนที่เน้นการเก็งกำไรในระยะที่นานกว่า Swingtrade เช่น เป็นการซื้อหุ้นแล้วถือนานไปจนจบรอบของ Trend ของหุ้นตัวนั้นๆ จะแตกต่างกับ Swingtrade อย่างไร ก็คือ Swingtrade จะเป้นรอบที่สั้นกว่า ส่วน Runtrend จะเป็นรอบที่ยาวกว่า ใน 1 รอบของ Runtrend อาจมีกรอบ Swing ของหุ้นได้หลายรอบแต่ยังไม่หลุด Trend ครับ
เป็นกลุ่มนักลงทุนที่เน้นการเก็งกำไรในระยะที่นานกว่า Swingtrade เช่น เป็นการซื้อหุ้นแล้วถือนานไปจนจบรอบของ Trend ของหุ้นตัวนั้นๆ จะแตกต่างกับ Swingtrade อย่างไร ก็คือ Swingtrade จะเป้นรอบที่สั้นกว่า ส่วน Runtrend จะเป็นรอบที่ยาวกว่า ใน 1 รอบของ Runtrend อาจมีกรอบ Swing ของหุ้นได้หลายรอบแต่ยังไม่หลุด Trend ครับ
4. VI (Value Investment)
นักลงทุนแบบ VI (Value Investment) คืออะไร ?
เป็นกลุ่มนักลงทุนที่เน้นเก็งกำไร ไปจนถึงถือเพื่อรับเงินปันผลของบริษัทที่เข้าไปลงทุน กลุ่มนักลงทุน VI ต้องให้ความสำคัญด้านการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทต้องมีการศึกษาถึงโมเดลธุรกิจนั้นๆ จุดอ่อนจุดแข็งคู่แข่ง เลยก็ว่าได้ รวมถึงศึกษาแนวโน้มของทางด้านกราฟด้วยครับ
สุดท้ายนี้ การที่จะคิดว่าเราควรเป็นนักลงทุนในกลุ่มไหนอาจยังไม่ค่อยสำคัญเท่าว่าเรามีความรู้ในการลงทุนมากเท่าใด และมีการยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นอย่างไร
เป็นกลุ่มนักลงทุนที่เน้นเก็งกำไร ไปจนถึงถือเพื่อรับเงินปันผลของบริษัทที่เข้าไปลงทุน กลุ่มนักลงทุน VI ต้องให้ความสำคัญด้านการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทต้องมีการศึกษาถึงโมเดลธุรกิจนั้นๆ จุดอ่อนจุดแข็งคู่แข่ง เลยก็ว่าได้ รวมถึงศึกษาแนวโน้มของทางด้านกราฟด้วยครับ
สุดท้ายนี้ การที่จะคิดว่าเราควรเป็นนักลงทุนในกลุ่มไหนอาจยังไม่ค่อยสำคัญเท่าว่าเรามีความรู้ในการลงทุนมากเท่าใด และมีการยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นอย่างไร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น